โดย : นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ)
ปัญหาสุขภาพไม่ได้มีแค่โรคในกระแส อย่างไข้หวัด 2009 แต่รวมไปถึงบรรดาโรคแปลกที่ท้าทายความสามารถคุณหมออย่างเหลือคณา
คิดดูสิครับว่าถ้าอยู่ดีๆ เด็กคนหนึ่งเกิดมีเลือดไหลซับออกมาจากทุกทวาร ไม่เว้นแม้แต่รูเหงื่อนี่จะว่าอย่างไร หาวิธีรักษากันจนหัวผุก็ยังยาก นี่ถ้าไปเกิดแถวที่มีการเคร่งลัทธิพิธีกันมากก็จะถูกแมวมองดึงตัวไว้ใช้เรียกศรัทธาว่าเป็นผู้วิเศษหรือถูกเบื้องบนลงโทษ ทั้งที่จริงโรคนี้มีสาเหตุที่มาและมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์นานแล้วว่า “เฮแมทไฮโดรซิส (Hematidrosis)” อันแปลเป็นไทยๆประสาผมได้ว่าโรค “เสโทโลหิต” ซึ่งมีมานานแล้วนับแต่ยุคก่อนคริสตกาล
อันความผิดปกติที่เรื่องของเลือดที่ออกง่ายหนักหนายิ่งกว่ายางไม้เสียอีก แต่จะว่าไปโรคนี้ก็มีปัจจัยเกิดจากตัวคนเราเองด้วย เพราะจากบันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพระวรสารลุคกล่าวไว้ว่า พระคริสต์เจ้าก็เคยมีพระโลหิตไหลออกมาจากพระวรองค์ ในสวนเกทเซเมน ในคืนก่อนที่ทหารโรมันจะกรูกันเข้ามากุมพระองค์ไปลงทัณฑ์ (Luke 22,44).
หรือในยุคหลังจากนั้นพันกว่าปี เลโอนาโด ดา วินชีผู้ปรีชาก็ได้บันทึกอาการอันประหลาดของเหล่าทหารชาวฟลอเรนซ์ก่อนเข้าสมรภูมิเดือดว่า
“ทหารบางนายที่เครียดมาก มีโลหิตหยาดซับออกมาตามตัว จนดูคล้ายกับว่าโลหิตถูกกลั่นออกมาเป็นเหงื่อของเขาเหล่านั้นแทน”
ดังที่ทราบกันดีว่าความเครียดขึ้งตึงเขม็งในอารมณ์นั้นหากมีอยู่นานเป็นของไม่ดีแน่ แต่ไม่ดีแค่ไหนนั้นบางท่านอาจประเมินต่ำไป เช่น ทำให้เกิดเป็นแค่ปวดไมเกรน โรคกระเพาะสวิงสวายไป ที่จริงแล้วความร้ายของมันเกินคณนาเพราะว่าอาจทำให้เกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งก็ได้ง่ายๆ แต่ถ้าร้ายกว่านั้นคือดันทำให้เกิดโรคพิสดารดังที่กล่าวไปซึ่งยังหาทางที่จะรักษาไว้ให้เด็ดขาดไม่ได้
ผมเคยมีคนไข้ท่านหนึ่ง มีอาการปวดท้องมากรุนแรงปานจะคลอดลูกทุกครั้ง ถ้าครั้งใดที่เผอิญผมติดสอนไม่อยู่คลินิก ท่านต้องไปหาคุณหมอท่านอื่น ก็มักจะถูกวินิจฉัยให้เป็นไส้ติ่งอักเสบเกือบทุกที เรียกว่าร่ำๆ จะถูกจับผ่าตัดก็หลายหน
จนตอนหลังผมก็เริ่มชินไปกับท่านด้วย เพราะอาการดังว่าจะเกิดขึ้นตอนที่ท่านต้องไปทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรืออดนอนตรากตรำ แล้วก็จำเพาะว่าจะต้องปวดลงตรงด้านล่างขวา ชวนให้หาไส้ติ่งกันให้ควั่กทุกที โรคดังนี้มีชื่อเรียกนะครับแต่ยาวหน่อย ผมขอเรียกสั้นๆว่า “โรคใจสั่งมา” นั่นคือใจสั่งให้เป็นโดยไม่รู้ตัวโดยโรคในกลุ่มที่อาจเกิดได้จากใจสั่งมาก็มี
1. โรคทางกาย เช่น ภูมิแพ้หอบหืด, กระเพาะอาหารกรดไหลย้อน,ลำไส้แปรปรวน,ความดันโลหิตสูง, มะเร็ง, แพ้ภูมิตนเอง
2. โรคทางจิตใจ เช่น ไบโพลาร์, ซึมเศร้า, ปวดศีรษะจากเครียด, นอนไม่หลับ, จิตเภท
2. โรคทางจิตใจ เช่น ไบโพลาร์, ซึมเศร้า, ปวดศีรษะจากเครียด, นอนไม่หลับ, จิตเภท
ท่านใดที่มีโรคเหล่านี้เป็นพยาธิทรัพย์อยู่ ก็อย่าเพิ่งทดท้อไปว่าไม่มีโอกาสดีขึ้น ขอให้มองเป็นโอกาสทองที่จะประจุพลังให้กายเราสู้ต่อโรคใจสั่งมานี้ได้ เพราะมีแต่เราคนเดียวที่จะ “สั่งใจ” ได้อีกทีหนึ่ง ไม่ใช่หมอหรือกิ๊กที่ใดเลย เพราะหัวใจเราไม่ ถ้ารู้อย่างนี้แล้วเราก็คงอยากที่จะลุกขึ้นมาจากกองโรค โดยไม่ต้องรอให้หมอมาช่วยฉุดแล้วใช่ไหมครับ
ขอให้คอยดูรู้อยู่เสมอว่าโรคภัยต่างๆ ไม่ใช่ของใหม่ มันมีอยู่นานปีดีดักแล้วแต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ คนที่เปลี่ยนไป ทำให้ตัวเรากลายเป็นเบ้ารับโรคแปลกเข้ามา แล้วก็พากันตื่นตกใจวิ่งไล่หาวิธีรักษาโรคที่เชื่อว่า พิสดาร
ถ้าลองรักษาแบบคู่ขนานกันไป ยอมรับไว้ว่าโรคมันต้องเข้ามา ไม่ว่าจะแปลกแค่ไหน แต่ทำอย่างไรจะไม่ให้มันกำเริบขึ้นมาจากความแปลกของตัวเราเอง ขอให้ลองค่อยค้นหาตัวเองทุกครั้งที่ป่วยไข้ไม่สบาย ว่าความเจ็บป่วยครั้งนี้เกิดจาก “ความแปลก” ประการใดในตัวเรา