การแพทย์แผนไทย ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

วิเคราะห์ วินิจฉัยอาการเจ็บป่วยตามหลักการแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย

รักษาอาการด้วยยาสมุนไพรคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยไร้สารสเตียรอย

ให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรมอย่างเหมาะสม โดยแพทย์แผนไทยผู้มีประสบการณ์


พระบรมครูชีวกโกมารภัจ

พระบรมครูชีวกโกมารภัจ

รูปพระบรมครูชีวกโกมารภัจ

รูปพระบรมครูชีวกโกมารภัจ
โอมะ นะโม ชีวะโก สิระสา อะหังกรุณิโก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ ปะภาเสสิ วันทามิ บัณฑิโต สุเมทะโส อะโรคาสุมะนะโหมิ

ใบอนุญาต

ใบอนุญาต

ป้ายโฆษณา

ป้ายโฆษณา

หน้าร้าน

หน้าร้าน
คลินิกการแพทย์แผนไทยศศิธร แพทย์ทางเลือกสมุนไพร เพื่อสุขภาพ ที่สนามหลวง 2 เขตทวีวัฒนา โทร. 088 901 2254 ใบอนุญาตเลขที่ 10108001854 รับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

โรคแปลก หรือคนเปลี่ยน

โรคแปลก หรือ คนเปลี่ยน ?
โดย : นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ)



ปัญหาสุขภาพไม่ได้มีแค่โรคในกระแส อย่างไข้หวัด 2009 แต่รวมไปถึงบรรดาโรคแปลกที่ท้าทายความสามารถคุณหมออย่างเหลือคณา

คิดดูสิครับว่าถ้าอยู่ดีๆ เด็กคนหนึ่งเกิดมีเลือดไหลซับออกมาจากทุกทวาร  ไม่เว้นแม้แต่รูเหงื่อนี่จะว่าอย่างไร  หาวิธีรักษากันจนหัวผุก็ยังยาก  นี่ถ้าไปเกิดแถวที่มีการเคร่งลัทธิพิธีกันมากก็จะถูกแมวมองดึงตัวไว้ใช้เรียกศรัทธาว่าเป็นผู้วิเศษหรือถูกเบื้องบนลงโทษ  ทั้งที่จริงโรคนี้มีสาเหตุที่มาและมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์นานแล้วว่าเฮแมทไฮโดรซิส (Hematidrosis)” อันแปลเป็นไทยๆประสาผมได้ว่าโรคเสโทโลหิตซึ่งมีมานานแล้วนับแต่ยุคก่อนคริสตกาล
 อันความผิดปกติที่เรื่องของเลือดที่ออกง่ายหนักหนายิ่งกว่ายางไม้เสียอีก  แต่จะว่าไปโรคนี้ก็มีปัจจัยเกิดจากตัวคนเราเองด้วย เพราะจากบันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพระวรสารลุคกล่าวไว้ว่า พระคริสต์เจ้าก็เคยมีพระโลหิตไหลออกมาจากพระวรองค์ ในสวนเกทเซเมน ในคืนก่อนที่ทหารโรมันจะกรูกันเข้ามากุมพระองค์ไปลงทัณฑ์ (Luke 22,44).
 หรือในยุคหลังจากนั้นพันกว่าปี เลโอนาโด ดา วินชีผู้ปรีชาก็ได้บันทึกอาการอันประหลาดของเหล่าทหารชาวฟลอเรนซ์ก่อนเข้าสมรภูมิเดือดว่า
 “ทหารบางนายที่เครียดมาก มีโลหิตหยาดซับออกมาตามตัว จนดูคล้ายกับว่าโลหิตถูกกลั่นออกมาเป็นเหงื่อของเขาเหล่านั้นแทน
เครียดไปทำให้ได้ โรคแปลก
 ดังที่ทราบกันดีว่าความเครียดขึ้งตึงเขม็งในอารมณ์นั้นหากมีอยู่นานเป็นของไม่ดีแน่  แต่ไม่ดีแค่ไหนนั้นบางท่านอาจประเมินต่ำไป เช่น ทำให้เกิดเป็นแค่ปวดไมเกรน โรคกระเพาะสวิงสวายไป  ที่จริงแล้วความร้ายของมันเกินคณนาเพราะว่าอาจทำให้เกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งก็ได้ง่ายๆ  แต่ถ้าร้ายกว่านั้นคือดันทำให้เกิดโรคพิสดารดังที่กล่าวไปซึ่งยังหาทางที่จะรักษาไว้ให้เด็ดขาดไม่ได้ 
 ผมเคยมีคนไข้ท่านหนึ่ง มีอาการปวดท้องมากรุนแรงปานจะคลอดลูกทุกครั้ง  ถ้าครั้งใดที่เผอิญผมติดสอนไม่อยู่คลินิก ท่านต้องไปหาคุณหมอท่านอื่น ก็มักจะถูกวินิจฉัยให้เป็นไส้ติ่งอักเสบเกือบทุกที  เรียกว่าร่ำๆ จะถูกจับผ่าตัดก็หลายหน 
 จนตอนหลังผมก็เริ่มชินไปกับท่านด้วย เพราะอาการดังว่าจะเกิดขึ้นตอนที่ท่านต้องไปทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรืออดนอนตรากตรำ แล้วก็จำเพาะว่าจะต้องปวดลงตรงด้านล่างขวา ชวนให้หาไส้ติ่งกันให้ควั่กทุกที  โรคดังนี้มีชื่อเรียกนะครับแต่ยาวหน่อย  ผมขอเรียกสั้นๆว่า โรคใจสั่งมานั่นคือใจสั่งให้เป็นโดยไม่รู้ตัวโดยโรคในกลุ่มที่อาจเกิดได้จากใจสั่งมาก็มี
 1. โรคทางกาย เช่น ภูมิแพ้หอบหืด, กระเพาะอาหารกรดไหลย้อน,ลำไส้แปรปรวน,ความดันโลหิตสูง, มะเร็ง, แพ้ภูมิตนเอง
 2. 
โรคทางจิตใจ เช่น ไบโพลาร์, ซึมเศร้า, ปวดศีรษะจากเครียด, นอนไม่หลับ, จิตเภท

แก้โรคแปลกได้ต้องใช้ ใจสั่ง
 ท่านใดที่มีโรคเหล่านี้เป็นพยาธิทรัพย์อยู่ ก็อย่าเพิ่งทดท้อไปว่าไม่มีโอกาสดีขึ้น  ขอให้มองเป็นโอกาสทองที่จะประจุพลังให้กายเราสู้ต่อโรคใจสั่งมานี้ได้  เพราะมีแต่เราคนเดียวที่จะ สั่งใจได้อีกทีหนึ่ง ไม่ใช่หมอหรือกิ๊กที่ใดเลย  เพราะหัวใจเราไม่ ถ้ารู้อย่างนี้แล้วเราก็คงอยากที่จะลุกขึ้นมาจากกองโรค โดยไม่ต้องรอให้หมอมาช่วยฉุดแล้วใช่ไหมครับ
 ขอให้คอยดูรู้อยู่เสมอว่าโรคภัยต่างๆ ไม่ใช่ของใหม่  มันมีอยู่นานปีดีดักแล้วแต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ คนที่เปลี่ยนไป ทำให้ตัวเรากลายเป็นเบ้ารับโรคแปลกเข้ามา แล้วก็พากันตื่นตกใจวิ่งไล่หาวิธีรักษาโรคที่เชื่อว่า พิสดาร
 ถ้าลองรักษาแบบคู่ขนานกันไป ยอมรับไว้ว่าโรคมันต้องเข้ามา ไม่ว่าจะแปลกแค่ไหน แต่ทำอย่างไรจะไม่ให้มันกำเริบขึ้นมาจากความแปลกของตัวเราเอง  ขอให้ลองค่อยค้นหาตัวเองทุกครั้งที่ป่วยไข้ไม่สบาย ว่าความเจ็บป่วยครั้งนี้เกิดจากความแปลกประการใดในตัวเรา  
 ลองหาไปเรื่อย แล้วท่านจะรู้ว่าโรคมันอยู่ของมันดีแล้ว แต่เราไปทำตัวรับมันเข้ามาเต้นแร้งเต้นกาในตัวเอง  แล้วท่านจะค่อยรู้ทันจนท่านแปลกใจทีเดียว

เจาะลึกแพทย์แผนไทยกับพระพุทธศาสนา

เจาะลึกแพทย์แผนไทยกับพุทธศาสนา


 ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขอเรียนท่านผู้อ่านให้ทราบว่า การแพทย์แผนไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างแยกไม่ออก หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนาก็ว่าได้ ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องนำเสนอระบบการแพทย์แผนไทยตามนัยแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งรูปแบบอาจยากสักหน่อยสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ยากสำหรับความเข้าใจ

มูลเดิมปฐมกาลของโลกมาจาก
ธารณธาตุ คือ สภาพที่ทรงไว้ตามธรรมชาติเดิมที ธาตุ มวลสารสมดุลกันตามสภาพธรรมชาติที่ปกติ พอจะแยก ธาตุ ออกได้ ๕ ประเภท คือ
๑. ธาตุที่ทรงสถานะแข็งแรงถ่วง เรียกว่า ปฐวีธาตุหมายถึง ธาตุดิน
๒. ธาตุที่ทรงสภาพความเหลว เชื่อมต่อ เรียกว่า อาโปธาตุหมายถึง ธาตุน้ำ
๓. ธาตุที่ทรงสภาพความเคลื่อนไหว ก๊าซ เรียกว่า วาโยธาตุหมายถึง ธาตุลม
๔. ธาตุที่ทรงสภาพความร้อน พลังงาน เรียกว่า เตโชธาตุหมายถึง ธาตุไฟ
๕. ธาตุที่ทรงสภาพความว่าง ช่องว่าง เรียกว่า อากาศธาตุหมายถึง อากาศธาตุ 
สภาพมวลสารของธาตุทั้ง ๕ สมดุลกันตามธรรมชาติ รวมเรียกว่า โลก ตามนัยพระพุทธศาสนาแบ่งโลกไว้ ๓ ประการ คือ
๑. โอกาศโลก หมายถึงพื้นผิวโลก มหาสมุทร ภูเขา พฤกษชาติ ทั้งหมด
๒. สัตว์โลก หมายถึงกำเนิดของสัตว์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลก อาศัยโอกาศโลกมีชีพอยู่ประจำ
๓. สังขารโลก หมายถึงรูปนามหรือชีวของสัตว์โลกต่างๆ ตามกรรมพันธุ์ 
โอกาศโลก โลก คือ แผ่นดิน มหาสมุทร ภูเขา แม่น้ำ พฤกษชาติ ลักษณะองค์ประกอบ คือ
ก. พื้นผิวโลกทั้งหมดมีความหนา ๒ แสน ๔ หมื่นโยชน์ (๔๐๐ เส้นเท่ากับ ๑ โยชน์)
ข. หินรองแผ่นดินมีความหนา ๔ แสน ๘ หมื่นโยชน์
ค. น้ำที่รองหินและดินมีความหนา ๙ แสน ๖ หมื่นโยชน์
ง. อากาศที่รองรับน้ำ, หิน, ดิน ความหนาไม่มีประมาณรอบ ๆ เรียกกันว่า จักรวาล รอบ
จักรวาลมีความกว้าง-ยาว เท่ากันคือ ๑ ล้าน ๒ แสน ๓ พัน ๔ ร้อย ๕๐ โยชน์  
นอกจากนี้เรียกกันว่า นอกจักรวาล สภาพนอกจักรวาล คือ ไม่มีอากาศธาตุ เรียกว่า สุญญากาศ  นั่นเอง ส่วนลึกของ มหาสมุทรลึกได้ ๘ หมื่น ๔ พันโยชน์ สภาพทั้งหมด คือ โอกาศโลก 
สัตว์โลก เมื่อสภาพของโอกาศโลกปรับตัวสมดุลกันพอดีธรรมชาติที่เป็น อาหาร ประเภทกวฬิงการาหาร คือ อาหารที่ดื่มกินโอชารสเกิดขึ้น กำเนิดของสัตว์ต่างๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นตามสภาพของกรรมพันธุ์ สัตว์โลกที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลกก็ได้อาศัยไออุ่น กลิ่นมูลดิน พฤกษชาติเป็นอาหาร สัตว์บนพื้นผิวโลกมีมากมายกล่าวโดยย่อ ๆ คือ สัตว์บก, สัตว์น้ำ, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, และสัตว์อากาศ ยังแยกพันธุกรรมของสัตว์ออกไปอีกมาก โดยภาพรวมในคำว่า สัตว์คือ สัตว์นรก, สัตว์เปรต, สัตว์อสุรกาย, สัตว์เดียรัจฉาน, สัตว์มนุษย์, เทพกามาพจร ๖ ชั้น, พรหมรูปาวจร ๑๖ ชั้น, พรหมอรูปาวจร ๔ ชั้น มีสภาพอาศัยในภพทั้ง ๓ คือ กามภพ, รูปภพและอรูปภพนั่นเอง ส่วนโลกุตรภูมิย่อมอยู่เหนือโลกทั้งปวง 
สังขารโลก โลก คือ เบญจขันธ์ หมายถึง สภาพของ ธาตุที่คุมตัวกันอย่างสมดุล ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปธรรมที่ปรากฏชัดแจ้ง ตามสำนวนทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า เบญจขันธ์คือ ขันธ์ ๕ แยกออกเป็น ๕ กอง คือ
ก. กองรูป มีมหาภูตรูปและอุปาทายรูป ควบคุมด้วยอาหาร
ข. กองเวทนา คือ ความรู้สึกสุข, ทุกข์, โสมนัส, อุเบกขา ควบคุมด้วยอิริยาบถ
ค. กองสัญญา คือ ความทรงจำในรูป, สี, กลิ่น, รส, ผัสสะ, อารมณ์ ควบคุมด้วยความเพียร
ง. กองสังขาร คือ ตัวปรุงทางจิตเป็นความดี, ความชั่ว, กลาง ๆ เฉย ๆ ควบคุมด้วยเจตนา
จ. กองวิญญาณ คือ ตัวรู้ รู้แจ้งทางทวารต่าง ๆ เช่น สี, กลิ่น, รส, เสียง, สัมผัส, ควบคุมด้วยสติ 
หากจะกล่าวสรุปให้สั้นที่สุด คือ
๑. กองรูป มีมหาภูตรูปกับอุปาทายรูป (ข้อก.)
๒. กองนาม มีเวทนา, สัญญา, สังขาร, และวิญญาณ (ข้อ ข, , , และจ.) 
ขันธ์ ๕ จะวิวัฒนาการเจริญเติบโตขึ้นหรือเสื่อมสลายไปเพราะ อาหาร เป็นตัวควบคุมโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และหมดไปก็เพราะ อาหาร ก็หมดโรคนั่นเอง พระบรมศาสดาเป็นนักวิชาการทางโภชนาการเอกของโลก พระองค์ทรงรอบรู้ใน อาหารอย่างสุขุมละเอียดรอบคอบที่สุด สังคมโลกระดับพุทธบริษัทต้องยกย่องและยอมรับว่า พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถเป็นผู้ให้กำเนิดวิชาการด้านโภชนาการของโลกในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตตลอดไป

องค์รวมของ
อาหาร จะต้องครอบคลุมไปทั้งในภาครูปธรรมและภาคนามธรรม ไม่ใช่เสริมสร้างเพียงภาคร่างกายแต่ขาดระดับจิต กระบวนการระบบนี้เป็นอาหารที่ไม่ครบสูตรสำเร็จแน่นอน ชีวิตที่สมบูรณ์ต้องเป็นชีวิตที่ประกอบด้วยภาคร่างกายและภาคจิตใจจึงจะบอกได้ว่า ปลอดโรคการรู้จักคุณค่าทางอาหารจึงเป็นการดำรงชีพที่ ปลอดโรค
การดำรงชีวิตอยู่ในโอกาศโลกที่ปลอดโรค หมายถึง ชีวิตที่มีลาภอันประเสริฐสูงสุด

กระบวนการของมวลสารอาหารจึงเป็นระบบที่ถูกต้องแน่ชัดและชัดเจนเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่ไม่มีวิทยาศาสตร์ใด ๆ มาลบล้าง หรือแปรสภาพให้ผิดเพี้ยนไปได้ มวลสารต่างๆ ที่อยู่ในปรัชญาของเคมีหรือฟิสิกส์เป็นกระบวนการที่อยู่ในเกณฑ์เพียงเอกเทศหนึ่ง ภาคีหนึ่งในส่วนของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเท่านั้น

การแพทย์แผนไทยจึงพบว่ามูลเดิมของสาธารณสุขที่แท้จริง คือ
อาหาร ๔เท่านั้นที่สามารถบำบัด บรรเทา ป้องกัน และรักษาโรคได้ครบถ้วนสมบูรณ์นัยแห่งพระพุทธศาสนาจึงยังรักษาสัจธรรมนี้ โดยนำเข้ามาเสริมสร้างอุดมการณ์และสืบสานต่อด้วยประโยควลีสำนวนโวหารบอกต่อๆไปว่า โรคย่อมมีมูลเดิมมาจาก อาหาร
นั่นเอง

การรู้จักบริโภคอาหาร
โภชเนมัตตญญุตา คือ การรู้จักชีวิตที่อยู่ด้วยการปลอดโรคแต่ถ้าขาดการสำรวมระวังในอาหารก็เท่ากับยังมีโรคอยู่นั่นเอง จงใช้สำนวนโวหารว่าที่ใดยังมีอาหาร ที่นั่นก็ยังมีโรคอยู่นั่นเอง